รวยไปกับ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ด้วยธุรกิจเครือข่าย
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานิตยสารฟอร์บ ได้ประกาศบุึคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปี 2012 ผลปรากฏว่า...อันดับ 1 2 3 ยังคงเดิม คือ คาลอส สลิม เฮรู บิลเกตส์ และ วอร์เรน บัฟเฟต ตามลำดับ
ที่น่าสนใจคือกรณีของ ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ค มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ที่ร่ำรวยมากขึ้นมากกว่าปีที่แล้วเป็นทวีคูณ โดยมีทรัพย์สินรวม 17,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 525,000 ล้านบาท) !!! นี่ขนาดยังไม่รวมกับราคาหุ้น ที่กำลังจะเข้าในตลาดหลักทรัพย์ ในเร็ววันนี้อีกนะครับเนี่ยยยย!
เมื่อปีที่ผ่านมา ผมได้เคยพูดโอกาสทางธุรกิจเครือข่าย โดยการใช้พลังของโลกออนไลน์ มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ และ ประเด็นที่ผมมักจะเปรียบเทียบให้ผู้ฟังเห็นภาพชัดก็คือ
คุณธนินท์ เจียรวนนท์ บุรุษผู้ร่ำรวยที่สุดของเมืองไทย กับมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซึ่งสองคนนี้มีทรัพย์สินใกล้เคียงกันอยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ถัดมาเพียงอีกปีเดียวพี่มาร์ค เราก้าวไปถึง 17,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ คุณธนินท์ ยังมีทรัพย์สิน คงเดิมอยู่
คำถามที่เกิดขึ้นก็คือว่า...?
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ใช้เวลาเพียง 7 ปี แต่คุณธนินท์ เจียรวนนท์ กว่าจะมั่งคั่งมาถึงวันนี้ ได้ใช้เวลาสั่งสมมาทั้งชีวิต!
การเปรียบเทียบนี้ ไม่ได้บอกว่า ใครเก่งกว่าใคร แต่มุ่งประเด็นให้เห็นภาพของ "พลังแห่งโลกออนไลน์"
ณ วันนี้ เฟซบุ๊ค มีผู้ใช้ทั่วโลกรวมถึง 845 ล้านคน ซึ่งเปรียบเสมือนกับ ประเทศที่ 3 ลองจาก จีน และอินเดีย ที่มีประชากรมากที่สุดในโลก
เราทุกคนที่อยู่ในโลกของเฟซบุ๊ีค ทั้งเช้า กลางวัน แม้กระทั่งก่อนนอน เราต่างก็รู้สึกเพลิดเพลิน กับการ เปิดเฟซบุ๊ค ขึ้นมา และดูความเคลื่อนไหวต่างๆ ของเพื่อน กด "Like" ชื่นชม และหัวเราะ ไปกับถ้อยคำต่างๆ ที่หลั่งไหลเข้ามา จนบางครั้งเราลืมไปว่าเราใช้วลากับมันไปเท่าไหร่!
ดูเหมือนว่า ยิ่งเราใช้เวลากับเฟซบุ๊คมากเท่าไหร่ มูลค่าของมันก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น !
แล้วทีนี้มันเกี่ยวอะไรกับธุรกิจเครือข่ายล่ะ ?
การเกิดขึ้นของเฟซบุ๊ค สร้างแรงกระเพื่อมให้วงการธุรกิจเครือข่ายอย่างปฏิเสธไม่ได้ Business Model ในโลกของ MLM คือ "การบอกต่อ" และอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อ "การบอกต่อ" มาเกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ !!
เฟซบุ๊คนั้นออก Business Model ที่ถือว่าฉลาดมาก ด้วยการสนับสนุนให้ "เพื่อนมาพบกัน" ผมเชื่อว่าหลายๆ ท่านที่เล่นเฟซบุ๊คแล้ว อาจพบเพื่อนเก่าๆ ที่ไม่มีโอกาสเจอแล้วในโลกออฟไลน์ มาพบกันบนเฟซบุ๊ค
จากรายงาน ผลการสำรวจหลายๆครั้งที่ผ่านมา เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า "ผู้คนจะเชื่อเพื่อนมากที่สุด ในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ"...
"การบอกต่อ" ด้วยการใช้ "เพื่อน" ทำให้เกิด "ความน่าเชื่อถือ" อย่างปฏิเสธไม่ได้ในโลกที่เกิดการหลอกลวงกันอยู่ทุกวี่วัน...
"ธุรกิจเครือข่ายสีขาว" ที่ผมพยายามผลักดัน ถ้อยคำนี้ขึ้นมาจนติดอันดับ 1 ในกูเกิ้ล เริ่มเห็นแสงรำไร เมื่อพบกับ Social Network อย่างเฟซบุ๊ค...การสร้างวัฒนธรรมทางสังคม ที่พลิกโลก ที่เอื้อให้กับโลกที่ "โปร่งใส่" กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม
คำถามต่อมาก็คือ "เราจะทำธุรกิจเครือข่าย ด้วยการใช้เฟซบุ๊คได้ในแง่มุมใดบ้าง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด !?!"
โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ :)
ที่น่าสนใจคือกรณีของ ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ค มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ที่ร่ำรวยมากขึ้นมากกว่าปีที่แล้วเป็นทวีคูณ โดยมีทรัพย์สินรวม 17,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 525,000 ล้านบาท) !!! นี่ขนาดยังไม่รวมกับราคาหุ้น ที่กำลังจะเข้าในตลาดหลักทรัพย์ ในเร็ววันนี้อีกนะครับเนี่ยยยย!
เมื่อปีที่ผ่านมา ผมได้เคยพูดโอกาสทางธุรกิจเครือข่าย โดยการใช้พลังของโลกออนไลน์ มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ และ ประเด็นที่ผมมักจะเปรียบเทียบให้ผู้ฟังเห็นภาพชัดก็คือ
คุณธนินท์ เจียรวนนท์ บุรุษผู้ร่ำรวยที่สุดของเมืองไทย กับมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซึ่งสองคนนี้มีทรัพย์สินใกล้เคียงกันอยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ถัดมาเพียงอีกปีเดียวพี่มาร์ค เราก้าวไปถึง 17,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ คุณธนินท์ ยังมีทรัพย์สิน คงเดิมอยู่
คำถามที่เกิดขึ้นก็คือว่า...?
มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ใช้เวลาเพียง 7 ปี แต่คุณธนินท์ เจียรวนนท์ กว่าจะมั่งคั่งมาถึงวันนี้ ได้ใช้เวลาสั่งสมมาทั้งชีวิต!
ณ วันนี้ เฟซบุ๊ค มีผู้ใช้ทั่วโลกรวมถึง 845 ล้านคน ซึ่งเปรียบเสมือนกับ ประเทศที่ 3 ลองจาก จีน และอินเดีย ที่มีประชากรมากที่สุดในโลก
เราทุกคนที่อยู่ในโลกของเฟซบุ๊ีค ทั้งเช้า กลางวัน แม้กระทั่งก่อนนอน เราต่างก็รู้สึกเพลิดเพลิน กับการ เปิดเฟซบุ๊ค ขึ้นมา และดูความเคลื่อนไหวต่างๆ ของเพื่อน กด "Like" ชื่นชม และหัวเราะ ไปกับถ้อยคำต่างๆ ที่หลั่งไหลเข้ามา จนบางครั้งเราลืมไปว่าเราใช้วลากับมันไปเท่าไหร่!
ดูเหมือนว่า ยิ่งเราใช้เวลากับเฟซบุ๊คมากเท่าไหร่ มูลค่าของมันก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น !
แล้วทีนี้มันเกี่ยวอะไรกับธุรกิจเครือข่ายล่ะ ?
การเกิดขึ้นของเฟซบุ๊ค สร้างแรงกระเพื่อมให้วงการธุรกิจเครือข่ายอย่างปฏิเสธไม่ได้ Business Model ในโลกของ MLM คือ "การบอกต่อ" และอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อ "การบอกต่อ" มาเกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ !!
เฟซบุ๊คนั้นออก Business Model ที่ถือว่าฉลาดมาก ด้วยการสนับสนุนให้ "เพื่อนมาพบกัน" ผมเชื่อว่าหลายๆ ท่านที่เล่นเฟซบุ๊คแล้ว อาจพบเพื่อนเก่าๆ ที่ไม่มีโอกาสเจอแล้วในโลกออฟไลน์ มาพบกันบนเฟซบุ๊ค
จากรายงาน ผลการสำรวจหลายๆครั้งที่ผ่านมา เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า "ผู้คนจะเชื่อเพื่อนมากที่สุด ในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ"...
"ธุรกิจเครือข่ายสีขาว" ที่ผมพยายามผลักดัน ถ้อยคำนี้ขึ้นมาจนติดอันดับ 1 ในกูเกิ้ล เริ่มเห็นแสงรำไร เมื่อพบกับ Social Network อย่างเฟซบุ๊ค...การสร้างวัฒนธรรมทางสังคม ที่พลิกโลก ที่เอื้อให้กับโลกที่ "โปร่งใส่" กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิม
คำถามต่อมาก็คือ "เราจะทำธุรกิจเครือข่าย ด้วยการใช้เฟซบุ๊คได้ในแง่มุมใดบ้าง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด !?!"
โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ :)
"พวกเราไม่ได้สร้างบริการทั้งหลายทั้งปวงขึ้นมาเพื่อหาเงิน
แต่เราหาเงินมาเพื่อสร้างบริการให้ดีขึ้น"
-- มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก --
ความคิดเห็น