มี facebook แล้ว ทำไมต้องเล่น Google Plus ? (1)
นับตั้งแต่ผมเล่นอินเตอร์เน็ตมาประมาณ 10 ปี สิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นมากที่สุดก็คือ (1) ผลิตภัณฑ์ของ Google (2) เว็บเครือข่ายสังคมของ Facebook
เป็นเรื่องจริงอย่างนึึงที่ว่าคนยุค Gen Y เติบโตมากับผลิตภัณฑ์ของไมโครซอร์ฟมากที่สุด เพราะท่านบิลเกตส์ เป็นผู้ริเริ่มระบบปฏิบัติการของวินโดวส์ จึงทำให้เราทุกคนมีคอมพิวเตอร์เตอร์ใช้แทบจะทุกบ้านในวันนี้ คนไทยยุคนี้ส่วนใหญ่จึงคุ้นเคยกับอีเมล์ของ Hotmail ,โปรแกรมแชต MSN (ช่วงหลังผมไม่ได้เปิดเลย)
เมื่อกระแสของโลกเปลี่ยนไปเวลาของคนส่วนใหญ่ไปอยู่บนเว็บเครือข่ายสังคมเป็นส่วนมาก เราทุกคนใช้เวลาอยู่กับเฟซบุ๊ค จากทุกการเชื่อมต่อทั้งมือถือและแล๊บท็อป ซึ่งในขณะนี้เฟซบุ๊คมีผู้ใช้ทั่วโลกแล้วมากกว่า 726 ล้านคน + + ส่วนในเมืองไทยก็มากกว่า 11 ล้านคน + + เข้าไปแล้ว (ข้อมูลจาก http://www.socialbakers.com/)
หากใครติดตามกูเกิ้ลมาตลอดจะทราบว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Google พยายามทำเ็ว็บเครือข่ายสังคม ...Google เคยได้ลองทำมาแล้วกับ Google Buzz , Google Wave และ Orkut ซึ่งในช่วงนั้น CEO ของ Google คือ อีริค ชมิด โดยเค้าเองก็ออกมายอมรับแบบแมนๆ ว่า เค้าเป็นคนทำผิดพลาดเอง ที่ทำให้เว็บเครือข่ายสังคมของกูเกิ้ลล้มเหลว
จากนั้นเมื่อ แลรี่ เพจ หนึ่งในผู้ก่อตั้งร่วมของ Google (อีกคนคือ เซอร์จี้ บรินจ์) มากุมบังเหียน CEO แทน และเริ่มที่จะตระหนักว่า เฟซบุ๊คคือคู่แข่งที่จะมาแย่งส่วนแบ่งตลาดโฆษณาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงออกกลยุทธ์และแนวคิดอันเหนือชั้น ออกมาเป็นเว็บเครือข่ายสังคมที่ชื่อว่า "Google Plus"
Google Plus นั้นเป็นเว็บเครือข่ายสังคมที่มาแรงมาก ล่าสุดเพียงแค่เพียง 3 สัปดาห์ คนเล่นทั่วโลกแล้วมากกว่า 20 ล้านคน !! ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ การจะเล่นต้องมีคน "Invite" ก่อนเสียด้วยถึงจะเ่ล่นได้ ซึ่งถ้าเปิดให้ใช้แบบอิสระ ผมเองยังคิดตัวเลขผู้ใช้ไม่ออกเลยว่าจะหลั่งไหลเข้ามามากมายขนาดไหน
สิ่งที่ "เหมือนและต่าง" ของ Google Plus กับ Twitter และ Facebook ในประเด็นหลักๆ
- มองในเรื่อง "การสร้างเครือข่ายหรือการเพิ่มเพื่อน" ---> สิ่งที่เหมือนกับ Twitter คือ "การติดตามหรือเลิกติดตาม" ใครก็ได้บนโลกที่เล่น Google Plus โดยที่ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายต้องตอบรับก่อน ซึ่งต่างจากเฟซบุ๊คที่ต้องรอ "ตอบรับเป็นเพื่อน"
- มองในเรื่อง "การสื่อสารหรือโพสข้อความ" ---> สิ่งที่ต่างกับ Twitter และ Facebook คือ การสื่อสารที่ทำได้มากกว่า 140 ตัวอักษรของทวิตเตอร์ และมากกว่า 420 ตัวอักษรของเฟซบุ๊ค โดย Google Plus ทำได้อย่างไร้ขีดจำกัด

โดยหากท่านใดไม่เห็นด้วยกับการแท็กซ์รูปสินค้าและบริการบนเฟซบุ๊ค สามารถเข้าไปคลิก "Like" ได้ที่นี่ เพื่อติดตามข่าวสารของคนกลุ่มนี้ เพื่อรับมือ ป้องกัน และสามารถแนะนำลูกหลาน จนถึงเพื่อนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อต่อไป
คุณอาจจะคิดว่า ถ้าประเด็นหลักๆ ต่างกันแค่ 3-4 ประเด็นแค่นั้น แล้วคุณก็ไม่ใช่อาชีพนักการตลาดออนไลน์ ก็คงไม่มีน้ำหนักพอที่ "คนทั่วไป" จะเสียเวลาเล่นหรือเรียนรู้ใหม่หรอกมั้ง ?
เอาไว้บทความต่อไปผมจะมาเขียนต่อ ในตอนที่ 2 นะครับ ว่าจะมีผลกระทบอะไรกับคนทั่วไปบ้าง และจะนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจและชีวิตได้อย่างไร ? ตอนนี้ ได้เวลาเตะฟุตบอลของผมแล้ว ...ชะแว๊บบบบ
ความคิดเห็น