ธุรกิจเครือข่าย...แท้จริงแล้ว ต้องขายของจริงหรือ ???
คุณเคยคิดไหมครับว่า วิธีการทำงานยุคเก่า แบบ "show the plan share the product" เป็นสิ่งที่เราต้องฝืนใจทำทุกครั้งเมื่อนำโอกาสทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่...ผลิตภัณฑ์ที่สุดยอด แผนการตลาดที่ดีโครตๆ ไปเสนอกับผู้มุ่งหวังแต่ละครั้ง แล้วก็พบกับ "คำปฏิเสธ" ให้มากที่สุด !!
ผมคิดในใจตัวเองตอนนั้นว่านี่คือวิธีการทำงานเพื่อความสำเร็จแบบยั่งยืนแน่หรือ ???...ความสำเร็จน่ะผมต้องการ แต่การให้พบคำปฏิเสธบ่อยๆแบบนั้นผมสงสารหัวใจตัวเองเหลือเกิน อารมณ์เครียดทำให้หลอดเลือดหัวใจของผมหดตัว หายใจไม่เป็นปกติ ถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆหัวใจของผมคงอ่อนแอจนเกินจะรับไหว (ว่าเข้าไปนั่น -.-)
วิธีการทำงานแบบยุคเก่า ที่กล่าวมาข้างต้น พิสูจน์แล้วว่าล้มเหลวเกินกว่า 95-99 % !!...และเราก็ยังทำต่อไปด้วยวิธีแบบเดิมๆ เพราะเมื่อเข้าศูนย์อบรมบริษัท เราก็จะโดนปลุกใจโดยทีมผู้นำกันใหม่อีกครั้ง แล้วเหตุแห่งความล้มเหลวนั้น มีสิ่งใดล่ะที่มันพลาดไป...
เรามักจะถูกสอนให้ "show the plan share the product" และก็อ้างเคลมว่าบริษัทนี้เป็น "The next big thing" สองคำนี้คนที่เคยทำเครือข่ายมาก่อนคงพออาจจะได้ยินมาบ้าง
...จริงๆแล้วมันไม่ผิดที่เราจะโชว์ถึงความสุดยอดของ บริษัท ผลิตภัณฑ์ และแผนการตลาด แต่มันควรจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราจะพูดถึง
ในธุรกิจเครือข่าย แท้ที่จริงแล้วคุณกำลังขายอะไร ???
สิ่งแรกที่คุณขายหรือควรจะพูดถึง ก็คือ "ตัวคุณ" ที่สามารถ"แก้ปัญหา" ให้กับผู้มุ่งหวังได้ หรือพัฒนาความเชี่ยวชาญของคุณให้ตรงกับความต้องการ (need) ของผู้มุ่งหวัง ยกตัวอย่างเช่น...
พูดถึงร้านสะดวกซื้อ 7-11 คงไม่มีใครในบ้านเราที่ไม่รู้จัก...7-11 เค้าไม่ได้ขาย "สินค้า" ให้กับคุณ เพราะสินค้าที่ 7-11 ก็มีขายตามร้านโชว์ห่วยทั่วประเทศเช่นกัน...สิ่งที่ 7-11 เค้าขายให้กับคุณจริงๆแล้วคือ "ความสะดวก" บวกกับ "ความสดใหม่" ของสินค้า ไปจนถึงการ "โปรโมชั่น" ลด แลก แจก แถม !!
...นอกจากนั้น 7-11 ยังเปิดโอกาสทางธุรกิจให้บุคคลทั่วไปซื้อแฟรนไชส์ และก็มีคนที่ลงทุนซื้อแฟรนไชส์ 7-11 ในราคาเป็น ล้านๆ บาท !!...แล้วเค้าซื้ออะไรล่ะ ???...เค้าซื้อ "ระบบการทำงาน"
...คนที่ซื้อแฟรนไชส์ต่างก็มีวิธีหาเงินของตัวเองทั้งนั้น แต่ทุกย่างก้าวของธุรกิจส่วนตัวที่เติบโตทำให้เค้ามีงานหนักขึ้นเป็นเงาตามตัว...ใช่เลย !! "ความต้องการ (need)" ของคนที่ซื้อแฟรนไชส์ก็คือ "เวลา" และ "อิสรภาพ"
7-11 ทุ่มเทให้กับการสร้าง "ระบบการทำงาน" ทั้งภายใน ภายนอก จนถึงการทำตลาด การโปรโมชั่น ล้วนถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี จนพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จได้แบบยั่งยืน...7-11 มี โรงเรียนปัญญาภิวัฒน์ ที่อบรมบุคลากรที่มีคุณภาพเพื่อป้อนเข้าสู่องค์กร และ 7-11 มี......อีกมากมาย
...สิ่งที่ 7-11 ทำก็คือการ "แก้ปัญหา" ให้กับลูกค้าและผู้ซื้อแฟรนไชส์ได้ตรงตามความต้องการ (need)...ถึง ณ วันนี้จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า 7-11 จะมีสาขาในประเทศไทย มากกว่า 5,300 สาขา !! และคุณธนินท์ เจียรวนนท์ ก็ขึ้นทำเนียบรวยเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ล่าสุด
วันนี้คนเครือข่ายทุกคนคงต้องเลือกแล้วล่ะครับว่า เราจะทำธุรกิจด้วยวิธีแบบเดิมๆ ไล่ล่าผู้คน โทรรบกวนญาติๆ เพื่อนๆ...หรือจะฝึกให้ตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆเพื่อให้เป็นที่ต้องการของผู้คน
ฝึกให้เราเป็นที่ปรึกษาธุรกิจเครือข่ายMLM...เป็นผู้รอบรู้ในด้านโภชนาการสารอาหารเสริมและการดูแลสุขภาพ...เป็นผู้ที่มีทักษะภาวะผู้นำ...เป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ...และสุดท้ายคือ ฝึกให้เราเป็น "นักสร้างระบบการขาย" ไม่ใช่เป็น "นักขาย"
สรุปประเด็นที่จะตอบหัวเรื่องนี้ ก็คือ หากคุณทำธุรกิจ แล้วคุณสร้างระบบการขาย (สร้างเครือข่ายผู้บริโภค)...แม้คุณไม่ขายของเลยสักชิ้น !! คุณก็สามารถสำเร็จแบบมั่งคั่งร่ำรวยพร้อมมีอิสรภาพได้เหมือนกัน ที่สำคัญยังยั่งยืนกว่าการเป็น"นักขาย" หลายเท่าเลยทีเดียว
ดังนั้น หากวันนี้มีคนถามคุณว่า "คุณกำลังขายอะไร ???"
ให้ตอบไปสั้นๆว่า "ผมขายระบบแห่งความสำเร็จครับ"
"ระบบการตลาดแบบดึงดูด" เข้ามาตอบโจทย์ให้กับนักธุรกิจเครือข่ายยุคนี้ได้เป็นอย่างดี...โดยทุกอย่างเริ่มต้นที่การทำงานจากอินเตอร์เน็ต !! ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นสื่อการตลาด เพื่อที่จะเผยแพร่ความเชี่ยวชาญของเราออกไปให้โลกได้รับรู้
การพัฒนาตนเองเพื่อให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจ MLM อย่างที่กล่าวมาไม่ใช่สิ่งที่ทำได้เพียงข้ามวัน แต่มันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าในการพัฒนาชีวิตของเราในทุกๆด้าน
การอ่านหนังสือให้หลากหลายมากขึ้น...ทดลองเขียนผลงานตัวเองผ่านบล็อคออนไลน์...จนถึงสร้างแบรนด์ตนเองขึ้นมาบนอินเตอร์เน็ต...เปรียบเสมือน 7-11 ที่กำลังสร้าง "ระบบการทำงาน" เพื่อนำไปสู่ความมั่งคั่งที่ยั่งยืนนั่นเอง
ผมคิดในใจตัวเองตอนนั้นว่านี่คือวิธีการทำงานเพื่อความสำเร็จแบบยั่งยืนแน่หรือ ???...ความสำเร็จน่ะผมต้องการ แต่การให้พบคำปฏิเสธบ่อยๆแบบนั้นผมสงสารหัวใจตัวเองเหลือเกิน อารมณ์เครียดทำให้หลอดเลือดหัวใจของผมหดตัว หายใจไม่เป็นปกติ ถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆหัวใจของผมคงอ่อนแอจนเกินจะรับไหว (ว่าเข้าไปนั่น -.-)
วิธีการทำงานแบบยุคเก่า ที่กล่าวมาข้างต้น พิสูจน์แล้วว่าล้มเหลวเกินกว่า 95-99 % !!...และเราก็ยังทำต่อไปด้วยวิธีแบบเดิมๆ เพราะเมื่อเข้าศูนย์อบรมบริษัท เราก็จะโดนปลุกใจโดยทีมผู้นำกันใหม่อีกครั้ง แล้วเหตุแห่งความล้มเหลวนั้น มีสิ่งใดล่ะที่มันพลาดไป...
เรามักจะถูกสอนให้ "show the plan share the product" และก็อ้างเคลมว่าบริษัทนี้เป็น "The next big thing" สองคำนี้คนที่เคยทำเครือข่ายมาก่อนคงพออาจจะได้ยินมาบ้าง
...จริงๆแล้วมันไม่ผิดที่เราจะโชว์ถึงความสุดยอดของ บริษัท ผลิตภัณฑ์ และแผนการตลาด แต่มันควรจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราจะพูดถึง
ในธุรกิจเครือข่าย แท้ที่จริงแล้วคุณกำลังขายอะไร ???
สิ่งแรกที่คุณขายหรือควรจะพูดถึง ก็คือ "ตัวคุณ" ที่สามารถ"แก้ปัญหา" ให้กับผู้มุ่งหวังได้ หรือพัฒนาความเชี่ยวชาญของคุณให้ตรงกับความต้องการ (need) ของผู้มุ่งหวัง ยกตัวอย่างเช่น...
พูดถึงร้านสะดวกซื้อ 7-11 คงไม่มีใครในบ้านเราที่ไม่รู้จัก...7-11 เค้าไม่ได้ขาย "สินค้า" ให้กับคุณ เพราะสินค้าที่ 7-11 ก็มีขายตามร้านโชว์ห่วยทั่วประเทศเช่นกัน...สิ่งที่ 7-11 เค้าขายให้กับคุณจริงๆแล้วคือ "ความสะดวก" บวกกับ "ความสดใหม่" ของสินค้า ไปจนถึงการ "โปรโมชั่น" ลด แลก แจก แถม !!
คุณสังเกตไหมว่าทำไมบางครั้งคุณถึงซื้อสินค้าที่มี"โปรโมชั่น"ทั้งๆที่ก่อนเข้าไปคุณไม่มีความต้องการที่จะได้ของสิ่งนั้นเลย ???
คุณกำลังรู้สึกว่า...มัน "คุ้ม" ใช่มั้ยล่ะครับ ^^
การโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม นั้น เป็นหลักจิตวิทยาการขายอย่างหนึ่งที่ใช้ในการตลาดโดยทั่วไป...ผู้คนไม่ได้ซื้อเพราะสินค้าดีที่สุดหรอกครับ แต่ผู้คนซื้อสินค้าเพราะเค้ารู้สึกว่ามันคุ้ม...และ "อารมณ์" มักจะชนะเหตุและผลเสมอ เวลาที่เราตัดสินใจว่าเราจะซื้ออะไรก็ตาม
...ส่วนตัวแล้วผมเองในบางครั้งก็โดนล่อหลอกด้วยการโปรโมชั่นเหมือนกัน...เพราะบางทีตัวอารมณ์มักทำให้เราขาดสติได้ง่าย...แต่หากเรามีสติ มีการยับยั้งชั่งใจ เราคงเลือกซื้อของที่จำเป็นมากกว่าเห็นว่าคุ้มแล้วจึงซื้อ
...หลักธรรมะ ใช้ได้เสมอเลยใช่ไหมครับ ^_^
...คนที่ซื้อแฟรนไชส์ต่างก็มีวิธีหาเงินของตัวเองทั้งนั้น แต่ทุกย่างก้าวของธุรกิจส่วนตัวที่เติบโตทำให้เค้ามีงานหนักขึ้นเป็นเงาตามตัว...ใช่เลย !! "ความต้องการ (need)" ของคนที่ซื้อแฟรนไชส์ก็คือ "เวลา" และ "อิสรภาพ"
7-11 ทุ่มเทให้กับการสร้าง "ระบบการทำงาน" ทั้งภายใน ภายนอก จนถึงการทำตลาด การโปรโมชั่น ล้วนถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี จนพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จได้แบบยั่งยืน...7-11 มี โรงเรียนปัญญาภิวัฒน์ ที่อบรมบุคลากรที่มีคุณภาพเพื่อป้อนเข้าสู่องค์กร และ 7-11 มี......อีกมากมาย
...สิ่งที่ 7-11 ทำก็คือการ "แก้ปัญหา" ให้กับลูกค้าและผู้ซื้อแฟรนไชส์ได้ตรงตามความต้องการ (need)...ถึง ณ วันนี้จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า 7-11 จะมีสาขาในประเทศไทย มากกว่า 5,300 สาขา !! และคุณธนินท์ เจียรวนนท์ ก็ขึ้นทำเนียบรวยเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ล่าสุด
วันนี้คนเครือข่ายทุกคนคงต้องเลือกแล้วล่ะครับว่า เราจะทำธุรกิจด้วยวิธีแบบเดิมๆ ไล่ล่าผู้คน โทรรบกวนญาติๆ เพื่อนๆ...หรือจะฝึกให้ตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆเพื่อให้เป็นที่ต้องการของผู้คน
ฝึกให้เราเป็นที่ปรึกษาธุรกิจเครือข่ายMLM...เป็นผู้รอบรู้ในด้านโภชนาการสารอาหารเสริมและการดูแลสุขภาพ...เป็นผู้ที่มีทักษะภาวะผู้นำ...เป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ...และสุดท้ายคือ ฝึกให้เราเป็น "นักสร้างระบบการขาย" ไม่ใช่เป็น "นักขาย"
สรุปประเด็นที่จะตอบหัวเรื่องนี้ ก็คือ หากคุณทำธุรกิจ แล้วคุณสร้างระบบการขาย (สร้างเครือข่ายผู้บริโภค)...แม้คุณไม่ขายของเลยสักชิ้น !! คุณก็สามารถสำเร็จแบบมั่งคั่งร่ำรวยพร้อมมีอิสรภาพได้เหมือนกัน ที่สำคัญยังยั่งยืนกว่าการเป็น"นักขาย" หลายเท่าเลยทีเดียว
ดังนั้น หากวันนี้มีคนถามคุณว่า "คุณกำลังขายอะไร ???"
ให้ตอบไปสั้นๆว่า "ผมขายระบบแห่งความสำเร็จครับ"
"ระบบการตลาดแบบดึงดูด" เข้ามาตอบโจทย์ให้กับนักธุรกิจเครือข่ายยุคนี้ได้เป็นอย่างดี...โดยทุกอย่างเริ่มต้นที่การทำงานจากอินเตอร์เน็ต !! ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นสื่อการตลาด เพื่อที่จะเผยแพร่ความเชี่ยวชาญของเราออกไปให้โลกได้รับรู้
การพัฒนาตนเองเพื่อให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจ MLM อย่างที่กล่าวมาไม่ใช่สิ่งที่ทำได้เพียงข้ามวัน แต่มันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าในการพัฒนาชีวิตของเราในทุกๆด้าน
การอ่านหนังสือให้หลากหลายมากขึ้น...ทดลองเขียนผลงานตัวเองผ่านบล็อคออนไลน์...จนถึงสร้างแบรนด์ตนเองขึ้นมาบนอินเตอร์เน็ต...เปรียบเสมือน 7-11 ที่กำลังสร้าง "ระบบการทำงาน" เพื่อนำไปสู่ความมั่งคั่งที่ยั่งยืนนั่นเอง
"คนรวย เรียนรู้และเติบโตอยู่ตลอดเวลา
ส่วนคนจน คิดว่าตัวเองรู้ดีอยู่แล้ว"
T.Harv Eker
ส่วนคนจน คิดว่าตัวเองรู้ดีอยู่แล้ว"
T.Harv Eker
"ผู้คนกลัวการโดนหลอก ดังนั้นเค้าจะซื้อสินค้าที่เค้ารู้สึกว่าคุ้มค่าเท่านั้น !! มันไม่ใช่สินค้าที่ดีที่สุดอย่างที่เราเข้าใจกัน"